วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

+++





สิ่งที่ยากมากสำหรับทุกวันนี้คือ ...  " ใจ" กับการ "อดทนรอ"  ทั้งรอให้มันกำไร หรือตอนมันลบ แล้วรอมันกลับ
อันนี้ ตัวทดสอบแนวคิดอีกตัว คือเล่นตาม MA ใช้ TF Day ที่เคยแชร์ อยากจะประคอง port เล็กๆ port นี้ ให้ได้สัก 2-3 เดือน หรือนานกว่านั้น

กำไรไม่ได้ serious มากเพราะแบ่งเอกกำไรจาก port หลักมาลองแนวคิด
ข้อผิดพลาด คือ ไปเทรด "ทอง " และทองคือตัวที่ทำให้หลาย ๆ port พัง แต่ก็ยังไม่วาย
..เมื่อวานปิดไปแหละ อาทิตย์หน้าเริ่มใหม่ ห้ามเอาทองเข้า port นี้เด็ดขาด...!!!!

แนวคิดยังเหมือนเดิม 

Moving Average 5 วัน หาตัวที่กำลังมี Trend และตั้งซื้อ ด้านล่าง ค่าเฉลี่ย Low และขายค่าเฉลีย High  
เช่นกัน ถ้าตัวไหนเทรนลงชัดก็ตั้งซื้อค่าเฉลี่ยน High แล้วไปขาย เฉลี่ย Low
(อันนี้คือ Add MA เข้าไป 3 เส้น ค่าเดียวกัน แต่เปลี่ยน parameter ว่า เส้นกลางคือ เอาราคาปิดมาหาค่าเฉลี่ย เส้นบน เอาราคา High มาตี ส่วนตัวล่างจะเป็น Low มันจะคล้ายๆ Bollinger แต่แค่อยากลอง)
แต่เมื่อเช้า เอะใจว่า ถ้าเจอแบบวันที่ CHF ลาก...port นี้จะพังทันที

แต่ตอนนี้ได้แนวคิดการแก้ไขแล้ว คือไม่ตั้ง Pending order แต่จะทำ EA Ask manaul ให้ alert จุดทีเข้าซื้อ ถ้าเราไม่กด confirm ก็จะไม่มีการซื้อขาย ถือเป็นการป้องกันความเสี่ยงให้กับ Port อีกทางหนึ่ง
(Port นี้ไม่มีการตั้ง SL เหมือนเดิม) บังคับ Lot 0.01 แต่ %margin ให้เหลือกมากกว่า 500-800 ขึ้นไป
ส่วน port หลัก...ไม่ไปไหนเลยช่วงนี้ สติขาด...เลยหยุดเทรด มันซ่ะเลย แต่มาเทรด US Option

+++คำถามที่ คนไม่มีพื้นฐานเรื่องหุ้นอยากถาม แต่อาจจะไม่กล้าถาม เลยไม่ได้เล่นหุ้นสักที

คำชี้แจง : บทความนี้ถูกแบ่งปันข้อมูลจากเจ้าของกระทู้ใน Pantip เพื่อเก็บไว้เป็นข้อมูลในการศึกษา และอ่านทบทวน



รวบรวมคำถาม ที่อาจจะฟังดูไร้สาระที่สุด ในมุมมองของคนที่เคยลงทุนในหุ้นมาแล้ว
แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีความรู้ หรือไม่เคยศึกษาเรื่องหุ้นเลย  มีแต่ ได้ยินคนโน้น คนนี้ พูดถึงการเล่นหุ้น
และ ก็รู้สึกสนใจ  แต่ลึกๆแล้ว รู้ว่า จับต้นชนปลายอะไรไม่ค่อยถูก  จะถามก็ไม่กล้า เพราะรู้สึกว่า ตัวเองไม่รู้พื้นฐานอะไรสักอย่างเกี่ยวกับหุ้นเลย   


ถามมากๆ เข้า ก็กลัวเพื่อนจะหาว่าโง่  ได้แต่เก็บคำถาม งงงวยนั้นไว้คนเดียว  และคิดว่า วันหนึ่งค่อยมาศึกษา 

และก็เป็นอย่างที่คิด ผ่านมา 3 ปี  ก็ยังไม่ได้ไปศึกษาสักที  พอได้ยินคนพูดมาที ก็ฮึดอยากศึกษาขึ้นมาที  พอเผลอ ก็เลิกศึกษาอีกละ  ผมเลยลองรวบรวมคำถามที่คิดว่า คนที่ได้ยินคำว่า เล่นหุ้น  ปุ๊ป   จะเกิดคำถามขึ้นในใจ  แต่อาจไม่กล้าถามใครออกไป    


จงแอบอ่าน แอบแชร์  แล้วเราจะหายโง่ไปด้วยกันครับ”


หุ้นคืออะไร ?
ง่ายๆ เลย  หุ้นคือ สิทธิการเป็นเจ้าของ  เพราะฉะนั้น ถ้าเราซื้อหุ้นของบริษัทไหนมา  นั่นคือเราได้เป็นเจ้าของบริษัทนั้นแล้ว  ตาม สัดส่วนที่เราซื้อหุ้นมา  ถ้าซื้อหุ้นมามาก  ก็ได้สิทธิในการเป็นเจ้าของมาก   ถ้าซื้อหุ้นมาน้อยก็ได้สิทธิการเป็นเจ้าของน้อย  


และ ถ้าบริษัทที่เราซื้อหุ้นมา  กิจการเจริญรุ่งเรือง เติบโต  เราก็รวยไปด้วย 
แต่ถ้ากิจการมันขาดทุน   เราก็เจ๊งไปกับมันด้วย

จะซื้อหุ้น ต้องใช้อะไรซื้อ ?
ต้องใช้เงินในการซื้อหุ้น 
ถ้าเราใช้เงินซื้อหุ้นบริษัทใดๆไปเยอะ  ก็เหมือนว่าเราไปร่วมลงทุนกับบริษัทนั้นๆเยอะ 
เวลาบริษัทมีกำไร เราก็จะได้ส่วนแบ่งเยอะ  แต่ถ้าเวลาบริษัทขาดทุน  เราก็จะเสียเงินเยอะเช่นกัน

คำว่า เล่นหุ้น คืออะไร?
คำว่า เล่นหุ้น จะหมายถึง การซื้อหุ้น และ  การขายหุ้น   แต่ด้วยการที่หุ้นมันมีหลายตัวให้เลือกซื้อ  มันจะมีการซื้อตัวโน้น ขายตัวนี้  



มันเลยให้ความรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังเล่นกับมันอยู่   ตามจริงแล้ว ควรจะใช้คำว่า "การลงทุนในหุ้น"  จะดูถูกต้องกว่า เพราะการที่เราซื้อหุ้นมา  มันคือการซื้อสิทธิการเป็นเจ้าของของบริษัทภายใต้หุ้นตัวนั้นอยู่ เหมือนเราไปร่วมลงทุนกับบริษัทนั้น  ถ้าวันใด เราขายหุ้นนั้นทิ้ง ก็เหมือนเราเลิกลงทุนกับบริษัทนั้นแล้ว

ตลาดหุ้น คืออะไร ?

ตลาดหุ้น คือ ตลาดที่มีไว้เพื่อซื้อขายหุ้นของบริษัทต่างๆ   อยากซื้อหุ้นของบริษัทไหน ก็ต้องมาซื้อที่นี่ 
ซึ่งของประเทศไทย  เรามีชื่อเรียกแบบเป็นทางการว่า  ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 
และมีชื่อภาษาอังกฤษว่า "The Stock Exchange of Thailand  ย่อสั้นๆว่า SET 
เพราะฉะนั้น เวลาดูข่าว เห็นเค้าพูดถึง SET กัน   นั่นคือ พูดถึงตลาดหุ้นของประเทศไทยของเรานั่นเอง

มีตลาดหุ้นไว้ทำไม ?
เรามีตลาดหุ้น ไว้เพื่อระดมทุนให้กับบริษัทใดๆ  เช่น สมมุติเราเปิดร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่ง  วันดีคืนดี อยากจะขยายธุรกิจ

 
เปิดร้านกาแฟเพิ่มอีกสัก 10 ร้าน  แต่เรามีเงินไม่พอ  ครั้นจะไปกู้ธนาคาร  ธนาคารก็เคี่ยว ถามโน้นถามนี่เยอะ คิดดอกเบี้ยก็แพง  


และถ้าเราลงทุนขยายกิจการอยู่คนเดียว  ถ้ามันไปได้ด้วยดี ก็ดีไป รวยคนเดียว ชิวๆ
แต่ถ้ามันเกิดไม่เป็นแบบที่เราคิด เราก็เป็นหนี้หัวโต อ้วกแตกอยู่คนเดียว 

ด้วยเหตุนี้ จึงมีตลาดหุ้นขึ้นมา  เพื่อที่เราจะสามารถนำเอาร้านกาแฟของเราไปจดทะเบียนในตลาดหุ้น 
และขายหุ้นร้านกาแฟของเรา  ให้คนอื่นที่สนใจในแผนงานของเรา  มาร่วมเป็นเจ้าของกับเรา  
เราก็จะได้เงินจากคนที่มาขอร่วมเป็นเจ้าของ  นำเงินนั้นไปขยายกิจการได้
ตลอดจนช่วยลดความเสี่ยงของเราเอง  เพราะมีคนมาร่วมหัวจมท้ายด้วย

ตัวอักษรภาษาอังกฤษ สีเขียว สีแดง วิ่งๆบนหน้าจอ ทีวีด้านล่างคืออะไร  ?
ตัวอักษรพวกนี้ คือ ชื่อตัวย่อของหุ้น  เช่น หุ้นของ ธนาคารกรุงเทพ  จะมาเขียน เต็มๆ มันก็ยาว
เค้าเลยย่อเป็นชื่อหุ้นว่า  BBL  
จำไว้เลยว่า ภายใต้ตัวอังษรภาษาอังกฤษพวกนี้ มีเบื้องหลังเป็นบริษัท

ส่วนสี เขียวๆ แดงๆ นี่คือ สีที่ทำให้เราดูการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นได้ง่ายขึ้น 
สีเขียว คือ หุ้นตัวนั้น มีราคาแพงขึ้น เมื่อเทียบกับ ราคาเมื่อวาน หรือที่เรียกว่า หุ้นขึ้น 
(คนที่ซื้อหุ้นไว้จะดีใจ เหมือนซื้อของมา แล้วเอาไปขายต่อได้แพงขึ้น)
สีแดง คือ หุ้นตัวนั้น มีราคาถูกลง  เมื่อเทียบกับราคาเมื่อวาน  หรือที่เรียกว่า หุ้นลง
(คนที่ซื้อหุ้นไว้จะเสียใจ เหมือนซื้อของมา แล้วเอาไปขายต่อได้ถูกลง)
สีเหลือง คือ หุ้นตัวนั้น มีราคาเท่าเดิม เมื่อเทียบกับราคาเมื่อวาน

เวลาดูข่าว พูดถึง ดัชนีหุ้น 1600 จุด  บวกขึ้นมา 40 จุด หรือบางวันก็บอกว่า ลบไป 20 จุด มันคืออะไร ?
ด้วย การที่หุ้นในตลาดหุ้นมีเยอะมาก 500 กว่าตัว  เค้าก็เลย เอาราคาของแต่ละตัว มาคำนวนรวมกัน เป็นตัวเลขที่ไว้อ้างอิง เรียกว่า ดัชนี   

เช่นเวลาบอกว่า วันนี้ ดัชนี บวก  จะหมายความว่า  หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นมีราคาสูงขึ้น เมื่อเทียบกับราคาเมื่อวาน

  
ถ้าบอกว่า บวก แล้วตามด้วยตัวเลขเยอะๆ แสดงว่า หุ้นส่วนใหญ่ราคาขึ้นเยอะเมื่อเทียบกับราคาเมื่อวาน
แต่ถ้าวันไหน ดัชนี ลบ  คือหุ้นส่วนใหญ่ในตลาดมีราคาที่ถูกลง เมื่อเทียบกับราคาเมื่อวาน
ถ้าบอกว่า ลบ ตามด้วยตัวเลยน้อยๆ ก็แสดงว่า หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดราคาลดลงจากราคาเมื่อวาน แต่ลดลงไม่มากเท่าไหร่

***หมายเหตุ 

เวลาดัชนี เป็นบวก ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นทุกตัว ราคาขึ้นหมดทุกตัวนะ 
มันบอกได้แค่ว่า หุ้นส่วนใหญ่ในตลาด มันราคาขึ้น   มันเลยคำนวนดัชนีออกมา แล้วได้เป็นเลขที่เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับดัชนีของเมื่อวาน
เวลาดัชนี เป็นลบก็เช่นกัน  ไม่ใช่ว่า ราคาหุ้นทุกตัวในตลาดลดลง แค่หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดมันลง  มันเลยคำนวนออกมาได้เลขดัชนีที่ลดลง***

ทำไมต้องเล่นหุ้น ?
เล่นหุ้น คือการลงทุนหาดอกผลชนิดหนึ่ง  เหมือนเราต้องการดอกเบี้ยจากการนำเงินไปฝากธนาคาร
เพียงแต่ การฝากธนาคาร ได้ผลตอบแทนน้อย เพราะมันไม่ค่อยเสี่ยง  ถ้าธนาคารไม่เจ๊ง 
แต่การเล่นหุ้น  มันคือการไปร่วมลงทุนทำธุรกิจกับบริษัทที่เราไปซื้อหุ้น  ผลตอบแทนที่ได้ สามารถสูงกว่าฝากธนาคารหลายเท่า 
แต่ ถ้าบริษัทที่เราร่วมลงทุนมันเจ๊ง เราก็มีสิทธิที่จะเสียเงินลงทุนทั้งหมด  พูดง่ายๆ ก็คือ การเล่นหุ้น เป็นการลงทุน ที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงมาก
แต่ก็มีความเสี่ยงมากเช่นกัน  คนจึงอยากเล่นหุ้น  เพราะคาดหวังว่าจะได้ผลตอบแทนสูงๆ และจะ "รวย"

โบรคเกอร์คืออะไร ?
เวลาเราจะซื้อหุ้นตัวใดก็ตาม  ไม่ใช่ว่า จะเอาเงิน เดินไปที่บริษัทนั้นๆ หรือเดินไปที่ตลาดหลักทรัพย์ แล้วซื้อมาเลย 
เราต้องมี  ตัวกลางในการซื้อขายหุ้น  นั่นคือบริษัทโบรคเกอร์  โบรคเกอร์คือตัวกลางในการซื้อขายหุ้นให้เรา 
และเค้าก็จะได้ ผลตอบแทนจากเรา คือค่าธรรมเนียมในการซื้อขาย  รวมถึงบริษัทโบรคเกอร์จะทำหน้าที่ออกบทวิเคราะห์หุ้นตัวต่างๆ
เพื่อเป็นข้อมูลให้ลูกค้าประกอบการตัดสินใจอีกด้วย 

จะเล่นหุ้นด้วยตัวเอง ผ่านอินเตอร์เน็ต  ไม่มีโบรคเกอร์ ได้ไหม  ?
ตอบว่า ไม่ได้  ยังไงก็แล้วแต่ เราต้องเป็นสมาชิกโบรคเกอร์ ถึงจะสามารถซื้อขายหุ้นได้

อีกคำหนึ่งที่ต้องรู้ คือ เจ้าหน้าที่การตลาด หรือ เรียกสั้นๆ ว่า มาร์ คืออะไร ?
อย่าสับสนคำศัพท์   โบรคเกอร์  คือบริษัทตัวกลาง    ส่วนมาร์คือ คน   

มาร์ เป็นลูกจ้างในบริษัทโบรคเกอร์  ที่ทำหน้าที่ ติดต่อกับ นักลงทุน  ตั้งแต่การส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น  จนถึงสิทธิประโยชนต่างๆ จากหุ้นที่เราถืออยู่ 
ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาให้นักลงทุนด้วย    ตรงจุดนี้แหละ ที่จะมีนักลงทุนบอกว่า  ต้องการเล่นหุ้นด้วยตนเอง และซื้อขายหุ้นเองผ่านอินเตอร์เน็ต 
ไม่ต้องมีมาร์ได้ไหม   ตามจริงแล้ว นักลงทุนทุกคนล้วนมีมาร์ดูแลทั้งสิ้น  เพียงแต่ถ้าเราเล่นเองผ่านอินเตอร์เน็ต มาร์เค้าก็อาจจะไม่ได้โทรมายุ่งวุ่นวายอะไร  แต่ยังไงก็แล้วแต่ จะมีมาร์ดูแลอยู่แล้ว

การซื้อหุ้นมีกี่วิธี ?
มี 2 วิธี  คือ โทรหามาร์ ให้มาช่วยซื้อให้ 
กับ กดซื้อเองผ่านอินเตอร์เน็ต

*ทั้งสองวิธีนี้ จะได้หุ้นมาครบถ้วนตามที่สั่งเหมือนกัน 
เพียงแต่ การโทรให้มาร์ช่วยซื้อให้ จะมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น ที่แพงกว่า การกดซื้อเองผ่านเน็ต
(เพราะมาร์จะต้องแบกรับความเสี่ยง ในกรณีที่คีย์คำสั่งผิด)*

จะเริ่มซื้อหุ้นต้องทำยังไง ?
ขั้นแรก ต้องเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นก่อน โดยต้องไปเปิดกับบริษัทโบรคเกอร์¨ ซึ่งในไทยมีบริษัทโบรคเกอร์มากมายหลายเจ้า 
ส่วนใหญ่แล้ว บริการพื้นฐาน และค่าธรรมเนียมในการซื้อขายหุ้น จะเหมือนๆกัน 

ซึ่งบัญชีสำหรับการซื้อขายหุ้น จะมีอยู่หลักๆ 3 ประเภท  แต่เอาบัญชีที่ง่ายที่สุด  สำหรับมือใหม่ 
เดินเข้าไปในโบรคเกอร์แล้วบอกเลย  ว่า ขอเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นแบบ Cash balance  
ใช้เอกสารประกอบการเปิดบัญชีแค่ สำเนาบัตรประชาชน  และสำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชี (book bank) เท่านั้น

บัญชีนี้ จะมีลักษณะคล้ายๆ บัญชีออมทรัพย์เลย   คือพอเปิดเสร็จ จะได้เป็นบัญชีเปล่าๆ ที่สามารถใช้ในการซื้อขายหุ้นมา 
และจะมาพร้อมกับ User name และ Password  เพื่อใช้ในการ log in เข้าหน้าเว็ปไซด์ ของโบรคเกอร์ที่เราเปิดบัญชี  
เพื่อเข้าไป  อ่านข่าว ดูกราฟราคา อ่านบทวิเคราะห์ต่างๆ รวมถึง ส่งคำสั่ง ซื้อขายหุ้น  
ซึ่งถ้าจะเริ่มซื้อหุ้นตอนไหน  เราต้องโอนเงินเข้าไปในบัญชีซื้อขายหุ้นของเราก่อน โอนมาเท่าไหร่ จะซื้อขายหุ้นได้ตามจำนวนนั้น 
ถ้าไม่โอนมา มันก็จะเป็นแค่บัญชีเปล่าๆ ที่ไว้ดูข้อมูลหุ้น  แต่ไม่มีตังซื้อหุ้น

พอเรามีการขายหุ้น ได้กำไร หรือขาดทุน  เงินคงเหลือจะค้างอยู่ใน บัญชีหุ้นของเรา 
ถ้าอยากจะนำเงินออกมา ก็สามารถกดถอนตังได้ทางหน้าเว็ปไซด์ของโบรคเกอร์ 
และเงินก็จะวิ่งเข้า สมุดบัญชี ที่ให้ไว้ตอนเปิดบัญชีนั่นเอง

โปรแกรมซื้อขายหุ้น ดูยังไง ?
โปรแกรมซื้อขายหุ้นที่ นิยมใช้กันคือ Streaming สามารถ ใช้ได้ทั้งในมือถือ และ คอมพิวเตอร์
โปรแกรมนี้แหละ ที่จะใช้ในการซื้อขายหุ้น  ตลอดจนดูราคาหุ้นทุกตัวในตลาดหุ้น 
รวมถึงการดู ยอดเงินคงเหลือในบัญชีหุ้นของเรา และดูว่ามีหุ้นอะไรอยู่ในพอตเราบ้าง ตอนนี้กำไร และขาดทุนเท่าไหร่

แล้วซื้อหุ้นยังไง ?
อย่างที่บอกไป  วิธีแรก คือการโทรหามาร์  บอกเลขบัญชี และชื่อของตัวเอง
จากนั้น บอกชื่อหุ้น  ราคาหุ้นที่จะซื้อ  จำนวนไป  ก็จะสามารถซื้อหุ้นได้
แต่ถ้าต้องการซื้อหุ้นด้วยตนเองผ่านอินเตอร์เน็ต ก็ต้องเข้าโปรแกรม Streaming
มัน จะมีหน้าจอสำหรับซื้อขายหุ้น  ถ้าเราต้องการซื้อหุ้นตัวใด  เราต้องรู้ชื่อหุ้นนั้นๆ  และ จะมันจะมีราคาตลาดบอกไว้ ว่าราคา ตัวละกี่บาท
 
โดยหุ้น เป็นอะไรที่มีสภาพคล่องสูง  จะมีคนเสนอซื้อ และขายอยู่ตลอดเวลา  เราสามารถซื้อได้เลย ตามราคาที่คนเสนอขาย 
หรือถ้าเรามีหุ้นอยู่แล้ว  เราก็สามารถขายได้เลย  ตามราคาที่มีคนเสนอซื้อ

ต้องมีเงินเริ่มต้นกี่บาทในการ เปิดพอต  ในการเล่นหุ้น มีขั้นต่ำไหม ?
ไม่มีขั้นต่ำ  มีกี่บาทก็เล่นได้  เพราะหุ้นมีราคาตั้งแต่ หลักสตางค์ ไปจนถึงหลัก พัน
มีเงินน้อย ก็ซื้อได้น้อยตัว  เวลาได้กำไรก็ได้น้อย เวลาขาดทุน ก็ขาดทุนน้อยแค่นั้นเอง

เล่นหุ้น จะได้เงินเมื่อไหร่ ?

การที่เราเข้าซื้อหุ้นมาแล้ว เราจะเหมือนว่าเราได้ ลงทุนในบริษัทนั้นแล้ว  เราจะได้กำไร ก็ต่อเมื่อ
1.  เราขายหุ้นนั้นไป ในราคาที่แพงกว่า ตอนเราซื้อมา  ถ้าขายได้ถูกกว่าที่เราซื้อมา เราก็จะขาดทุน
(ถ้า หุ้นที่เราซื้อมา มีราคาสูงขึ้นกว่า ต้นทุนที่เราซื้อ แต่เรายังไม่ขายหุ้น  มันก็จะเพียงแค่โชว์ว่าเรามีกำไรเท่าไหร่ให้เราเห็นเฉยๆ
จะได้กำไรจริงๆ ก็จะได้เมื่อขายหุ้นออกไปแล้วเท่านั้น)
2. ถ้าเรายังถือหุ้นตัวนั้นอยู่ และบริษัทมีกำไร  ปีนึง ก็จะมีการจ่ายปันผล  เราก็จะได้ส่วนแบ่งกำไรตรงนี้ ตามตามสัดส่วนหุ้นที่เราถืออยู่

เล่นหุ้น เสี่ยงมั๊ย ?
เล่นหุ้น คือการไปร่วมลงทุนในธุรกิจต่างๆ  ซึ่งถ้าเราไม่มีความรู้ในธุรกิจที่เราลงทุนแล้ว ก็จะเรียกว่า เสี่ยงมาก 
ไม่ต่างอะไรกับการแทง น้ำเต้าปูปลาเลย   แต่ความเสี่ยงสามารถควบคุมได้
ถ้าเราสามารถเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และวิเคราะห์หุ้นที่เราลงทุนได้

การเล่นหุ้น มีกี่แบบ  และวิเคราะห์หุ้นยังไง ?
การเล่นหุ้นเนี่ย มันแบ่งง่ายๆ เป็น 2 แบบด้วยกัน
1. การเล่นหุ้นแบบ.....ลงทุน
2. การเล่นหุ้นแบบ.....เก็งกำไร
คนเรา พอพูดถึง เรื่องเล่นหุ้น  จะคิดภาพไปเลยว่า ยิ้มต้องอยู่หน้าจอทั้งวัน ดูกราฟ ตัวเลขวิ่งๆ
ซื้อๆ ขายๆ หุ้นอย่างรวดเร็ว   ซึ่งตามจริง ภาพแบบนั้น มันแค่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น 
มันเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร (แบบที่ 2) ที่เค้าจะอาศัยการขึ้นลง ของราคาหุ้น
สร้างผลกำไร  บางคนก็เก็งกำไรกันระยะสั้น เป็นรายนาที    บ้างก็รายวัน (ซื้อๆ ขายๆ ภายในวัน)
บางคนก็อาจจะ ยาวเป็นเดือนก็มีเหมือนกัน  

ยิ่งเล่นสั้นมากๆ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงมาก
โดยส่วนตัวผมว่า การเล่นหุ้นสายนี้ ค่อนข้างยาก
เพราะสิ่งที่ขับเคลื่อนราคาของหุ้นในระยะสั้น เป็นเรื่องของข่าวสาร อารมณ์ของตลาด 
และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ที่คาดเดาได้ยากมากๆ แต่มือใหม่ที่เข้ามาเล่น กลับคิดว่า วิธีนี้ยิ้มง่าย และรวยเร็ว
ส่งผลให้ขาดทุนในที่สุด 

แต่มันก็มีนะ คนที่เค้าประสบความสำเร็วจากการเล่นหุ้นแบบเก็งกำไร
เค้าต้องเป็นคนที่ มีวินัย  ต้องรู้จักการควบคุมความเสี่ยง จะเดิมพันก็ต่อเมื่อเค้ารู้สึกว่าเค้าได้เปรียบ 
และในบางจังหวะ ที่เค้าคาดการณ์ผิดพลาด  เค้าจะมีวินัยในการยอมขาดทุน แล้วหนีออกมา
ซึ่งถ้าใครชอบ แนวนี้  ต้องหัดวิเคราะห์ ศึกษา ที่ในวงการเค้าจะเรียกว่า  "ปัจจัยทางเทคนิค" 
จะเป็นพวกการศึกการเคลื่อนไหวของ กราฟราคาหุ้น  ความสัมพันธ์ของปริมาณการซื้อขายต่างๆ
ลองไปหาหนังสืออ่านดู..........

กราฟๆ ที่เห็นคนเค้าดูกัน คืออะไร แล้วจะดูได้จากที่ไหน ?
มันคือการวิเคราะห์หุ้นแบบหนึ่ง ตามที่บอกไป เรียกว่า การวิเคราะห์หุ้นแบบใช้ปัจจัยทางเทคนิค
ซึ่งเดี๋ยวนี้ลอง google หา  ก็จะมีโปรแกรมกราฟให้ใช้มากมาย  แต่ถ้าชัวร์ๆ ก็เวลาเปิดพอตหุ้นกับโบรคเกอร์
เค้าจะมีบริการโปรแกรมกราฟให้เราใช้อยู่แล้ว

ส่วนการเล่นหุ้นอีกวิธี   เรียกว่า การเล่นหุ้นแบบลงทุน  วิธีนี้ จะเหมือนกับเราเอาเงินไปร่วมลงทุนกับเค้าเลย
แบบร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน ระยะเวลาปานกลาง ถึง ยาวๆ เลย
ถ้าบริษัทมันมีกำไร  เราก็ได้ผลประโยชน์ไปด้วย  ถ้าบริษัทขาดทุน  เราก็เจ๊งไปกับเค้าด้วย
เพราะฉะนั้น  สิ่งที่ขับเคลื่อนราคาหุ้นในวิธีนี้ คือ ผลกำไรของบริษัทที่เราร่วมลงทุน 
ส่งผลให้  การเล่นหุ้นในวิธีนี้ มันจะต้องใช้เวลา  เพราะผลกำไรของบริษัทมันไม่สามารถแสดงออกมาได้
ภายใน หนึ่งวัน หรือ สองวัน ส่วนใหญ่จะใช้เวลากันเป็นปี  ภาพการเล่นหุ้นด้วยวิธีนี้ ก็จะเปลี่ยนไป
เราไม่จำเป็นต้องนั่งเฝ้าหน้าจอ ดูราคาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงทุกวันอีกต่อไป  ภาพมันจะกลายเป็น
การนั่งวิเคราะห์ธุรกิจ การอ่านงบการเงิน   การวิเคราะห์การเติบโตของบริษัท  
รวมไปถึงการลองไปใช้บริการของบริษัทที่เราลงทุน อะไรทำนองนี้   ซึ่งแนวทางนี้
สามารถศึกษาได้จาก "การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน"
มีหนังสือให้อ่านเช่นกัน.............

มันตอบไม่ได้นะ ว่า วิธีไหนดีกว่ากัน  ไม่ว่าทางไหน มันสามารถประสบความสำเร็จได้เสมอ
และมันก็สามารถหมดตัวได้เหมือนกัน   มันอยู่ที่คุณ จะศึกษา และทุ่มเท กับมันเพียงใด
"ไม่มีรวยเร็ว และอะไรที่ได้มาง่ายๆ ในถนนสายนี้"

นึกคำถามไม่ออกแล้ว  ยังไงมีคำถามก็พิมพ์ทิ้งไว้กันได้เลยครับ
อันไหนตอบได้ ก็จะมาตอบให้ครับ

จบแล้ว

ออกตัวก่อนว่า ผมทำงานในบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง  ผมมีรายได้จากการที่ลูกค้า ซื้อขายหุ้นนี่แหละ
แต่ที่ผมมาเขียนนี่ ก็ไม่ได้จะมาหวังผลประโยชน์อะไร  เพราะมือใหม่ๆ เนี่ย 
เทรดหมื่นนึง ผมจะได้ ค่าคอมมิชชั่นประมาณ 2 บาทถ้วนเห็นจะได้   ฮ่าๆๆ ยังไม่คุ้มค่าไฟเลย 
แต่ที่มาเขียนก็อยากให้คนที่สนใจ กับคำว่าเล่นหุ้นอยู่  ได้พอมีอะไรพื้นฐานติดไปบ้าง ก่อนจะไปหาหนังสืออะไรอ่าน ต่อยอดต่อไป 

ส่วนใครที่ยังไม่เคยศึกษาด้านการลงทุนในหุ้นเลย  แล้วอยู่ดีดี จะมาซื้อหุ้นเลย 
ผมก็ขอบอกให้คุณกลับไปศึกษาก่อน หาหนังสืออ่าน 
เพราะการเข้ามาเล่นหุ้นแบบไม่รู้อะไร  มักจะกลับออกไปแบบไม่เหลืออะไร

ส่วนใครจะมาขอหุ้นเด็ด หุ้นดี  ผมก็ไม่มีเหมือนกัน
คิดหลักง่ายๆ ถ้าผมมีหุ้นเด็ด  ผมก็เล่นเองอยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปทำงานแล้ว   
ที่มีให้ได้ก็น่าจะเป็น แนวคิดการมองตลาดหุ้นไม่ให้เหมือนการพนัน 
คอยเตือนให้มีสติ  ส่วนการตัดสินใจทุกอย่าง ก็เป็นของ ทุกคนเองเท่านั้น เพราะเงินใครก็เงินมัน

ผมไม่ได้คาดหวังว่า จะมีคนมา เทรด ซื้อขายหุ้นเยอะๆ แล้วธุรกิจที่ผมอยู่จะรุ่งเรือง
ผมเห็นมาแล้ว พวกมาเทรดเยอะๆ แต่เทรดแบบการพนัน สุดท้ายก็เลิกเล่นไป
ผมอยากให้เมื่อใหม่ทุกคนมีมุมมองที่ดีต่อตลาดหุ้น  เล่นหุ้น แบบลงทุนจริงๆ
และอยู่รอดในถนนสายนี้กับมันไปนานๆ 
เพราะถ้าคุณอยู่รอดกับมันได้นานเท่าไหร่  คุณก็จะรวยเท่านั้น 


ขอขอบคุณแหล่งที่มาของข้อมูล http://pantip.com/topic/33154825